คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในการดำเนินชีวิตในปัจจุบันนั้นวุ่นวาย เราต้องเผชิญกับการแข่งขันและความกดดันต่างๆมากมาย จึงเป็นการยากที่จะหลบเลี่ยงสภาวะความเครียดไปได้ ซึ่งความเครียดนั้นนอกจากจะส่งผลกระทบในด้านจิตใจแล้วยังมีผลต่อร่างกายในทุกระบบไม่เว้นแม้แต่ผิวหนัง ปัญหาที่ทำให้คนเราเกิดความเครียดนั้นมีมากมาย เช่น ปัญหาการเงิน การงาน สุขภาพ ครอบครัวการเรียน ความรัก รถติด การแข่งขันที่ทำงาน หรือแม้แต่ความวุ่นวายทางการเมือง ในปัจจุบันซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่งผลให้เกิดความ กังวลเกิดขึ้นแต่ถ้าเราสามารถทำใจยอมรับได้ว่าความคิดนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิต และพยายามต่อสู้ด้วยจิตใจอันมั่นคงแน่วแน่ ขณะเดียวกันก็ทำใจให้สนุกไปกับการแก้ปัญหาก็ทำให้เราจะไม่มีความเครียดหรือเครียดน้อยลง
ความเครียดส่งผลเสียต่อทุกระบบของร่างกาย เช่น ระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเดิน ท้องผูก ระบบทางเดินหายใจ ทำให้หายใจเร็วช้าผิดปกติ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้นจะส่งผลต่อร่างกายรวมทั้งผิวหนังด้วย โดยเปรียบเหมือนระบบลูกโซ่ ซึ่งผลของความเครียดนั้นสามารถทำให้เกิดโรคผิวหนังได้หลาย ๆ ชนิด หรืออาจกล่าวได้ว่าความเครียดทำให้โรคผิวหนังกำเริบมากขึ้น ทำให้เหงื่อที่มือเท้าออกเพิ่มมากขึ้น บางคนชอบบีบสิว บางคนเครียดรุนแรงอาจหันมาแกะเกาบริเวณผิวหนังจนเกิดรอยถลอกหรือรอยแผลรูปร่างแปลกประหลาด บางคนมีอาการคันและเก่าทั้งตัวจนผิวหนังเกิดเป็นตุ่มนูนแข็ง บางคนใกล้สอบเมื่อไหร่จะเกิดโรคผิวหนังอักเสบขึ้นทุกครั้ง เช่น เกิดผื่นคันตามตัวแขนขาซึ่งอาจจะเกาจนน้ำเหลืองไหลเยิ้มความเครียดยังก่อให้เกิดรอยย่นบริเวณหน้าผากระหว่างคิ้ว ซึ่งในผู้ที่มีนิสัยชอบขมวดคิ้วเมื่อทำเป็นประจำจะเกิดรอยย่นตามบริเวณดังกล่าว
จะเห็นได้ว่าเมื่อเราจัดการความเครียดได้จะส่งผลต่อโรคทุกชนิด โรคผิวหนังและรอยเหี่ยวย่นต่าง ๆ จะน้อยลงการกำจัดความเครียดทำได้หลายวิธีเช่นกัน ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน ซึ่งบางคนอาจต้องใช้หลักธรรมเข้าข่ม หรือวิปัสสนา เล่นกีฬาออกกำลังกาย ร้องเพลง เลี้ยงสัตว์ที่ชอบ ปลูกต้นไม้ ทำสวน เล่นเกม ดูหนังฟังเพลง ท่องเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ หรือทำงานอดิเรกที่ตนเองชอบ คนเราแต่ละคนจึงมีวิธีแก้ความเครียดได้แตกต่างกันแต่ทุกวิธีจะให้ผลเหมือนกันคือทำให้จิตใจแจ่มใสเบิกบาน แต่ข้อสำคัญคือต้องนอนหลับให้สนิทและพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยให้หายเครียดได้มากเพราะการพักผ่อนนอนหลับจะทำให้ตื่นขึ้นมาแจ่มใสสดชื่นกระปรี้กระเปร่า มีพลังกายพลังใจพร้อมที่จะต่อสู้กับภารกิจในวันต่อไปและที่สำคัญร่างกายยังได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอให้กลับฟื้นขึ้นมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
ที่มา ผศ.พญ.สุนิสา ไทยจินดา
เวชศาสตร์ชะลอวัย เล่ม 1 (พิมพ์ครั้งที่ 4) จากพื้นฐานสู่แนวปฏิบัติ
(Anti Aging Medicine Vol. 1 (4th Edition) Basic to Practical), -กรุงเทพ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, 2564
หน้า 135 – 138